เลเซอร์ลดรอยดำผิวประเภทไหนที่เสี่ยงจะเกิดการแพ้ได้บ้าง
เลเซอร์ลดรอยดำผิวทุกประเภทมีความเสี่ยงที่จะเกิดการแพ้ได้ แต่จะแตกต่างกันไปตามประเภทของเลเซอร์ ความรุนแรงของอาการแพ้ และปัจจัยส่วนบุคคลของแต่ละบุคคล
โดยทั่วไปแล้ว เลเซอร์รอยดำผิวประเภทที่มีความเสี่ยงต่อการแพ้มากที่สุด ได้แก่
- เลเซอร์ Q-switched Nd:YAG ใช้ในการรักษารอยดำที่เกิดจากเม็ดสีเมลานิน เช่น รอยดำจากสิว รอยดำจากแสงแดด รอยดำจากฮอร์โมน รอยดำจากการตั้งครรภ์ เป็นต้น เลเซอร์ชนิดนี้สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้หลายรูปแบบ เช่น ผื่นแดง บวม คัน แสบร้อน ผิวหนังลอกเป็นสะเก็ด หรือผิวสีเข้มขึ้นกว่าเดิม
- เลเซอร์ PicoSure ใช้ในการรักษารอยดำที่เกิดจากเม็ดสีเมลานินเช่นเดียวกับเลเซอร์ Q-switched Nd:YAG แต่มีประสิทธิภาพในการกำจัดเม็ดสีเมลานินได้ดีกว่า จึงมีความเสี่ยงต่อการแพ้น้อยกว่าเลเซอร์ Q-switched Nd:YAG เล็กน้อย
- เลเซอร์เลเซอร์ Fraxel ใช้ในการรักษารอยดำที่เกิดจากเม็ดสีเมลานิน รอยเหี่ยวย่น และริ้วรอยต่างๆ เลเซอร์ชนิดนี้สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้หลายรูปแบบเช่นเดียวกับเลเซอร์ Q-switched Nd:YAG แต่อาการแพ้มักจะรุนแรงน้อยกว่า
นอกจากนี้ ปัจจัยส่วนบุคคลของแต่ละบุคคลก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพ้เลเซอร์ลดรอยดำได้ เช่น ผู้ที่ผิวแพ้ง่าย ผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ ผู้ที่แพ้สารเคมีต่างๆ หรือผู้ที่เคยมีประวัติแพ้ยา
ดังนั้น ผู้ที่ต้องการทำเลเซอร์รอยดำจึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำทุกครั้ง เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการแพ้และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
วิธีลดความเสี่ยงต่อการแพ้เลเซอร์ลดรอยดำ ได้แก่
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำทุกครั้ง
- แจ้งประวัติการแพ้ยาหรือสารเคมีต่างๆ ให้กับแพทย์ทราบ
- งดใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการแพ้ เช่น กรดวิตามินเอ กรดเรตินอยด์ กรดโคจิก เป็นต้น
- ดูแลผิวอย่างอ่อนโยนหลังทำเลเซอร์ เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
การรักษาอาการแพ้หลังทำเลเซอร์ลดรอยดำขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการแพ้ หากอาการแพ้ไม่รุนแรง เช่น มีผื่นแดง บวม คัน แสบร้อน แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาทาหรือยารับประทานเพื่อลดอาการอักเสบและระคายเคือง เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาแก้แพ้ เป็นต้น
หากอาการแพ้รุนแรง เช่น ผิวหนังลอกเป็นสะเก็ด ผิวสีเข้มขึ้นกว่าเดิม แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาทาหรือยารับประทานที่มีฤทธิ์รุนแรงขึ้น เช่น ยาสเตียรอยด์ชนิดแรง ยาแก้แพ้ชนิดแรง เป็นต้น หรืออาจพิจารณาทำการรักษาอื่นๆ เช่น การฉายแสงหรือการใช้เลเซอร์ชนิดอื่นเพื่อลดอาการแพ้
นอกจากนี้ แพทย์อาจแนะนำให้ดูแลผิวอย่างอ่อนโยนหลังทำเลเซอร์ลดรอยดำ เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
หากมีอาการแพ้หลังทำเลเซอร์ลดรอยดำ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันไม่ให้อาการแพ้ลุกลามหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำในการดูแลผิวหลังทำเลเซอร์ลดรอยดำเพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพ้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังทำเลเซอร์
- ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวไหม้แดดหรือเกิดรอยดำขึ้นใหม่
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น กรดวิตามินเอ กรดเรตินอยด์ กรดโคจิก เป็นต้น
- ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยนด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย
- ทายาหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตามคำแนะนำของแพทย์
การแพ้เลเซอร์ลดรอยดำสามารถแสดงอาการได้หลายรูปแบบ เช่น
- อาการแพ้แบบเฉียบพลัน มักเกิดขึ้นทันทีหลังทำเลเซอร์ เช่น ผื่นแดง บวม คัน แสบร้อน ผิวหนังลอกเป็นสะเก็ด
- อาการแพ้แบบเรื้อรัง มักเกิดขึ้นหลังจากทำเลเซอร์ไปแล้วสักระยะ เช่น ผิวสีเข้มขึ้นกว่าเดิม รอยดำขึ้นใหม่ รอยดำขยายใหญ่ขึ้น
หากมีอาการแพ้หลังทำเลเซอร์รอยดำ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันไม่ให้อาการแพ้ลุกลามหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
ต่อไปนี้เป็นสัญญาณเตือนที่อาจบ่งบอกว่าคุณแพ้เลเซอร์ลดรอยดำ ได้แก่
- มีอาการแพ้แบบเฉียบพลัน เช่น ผื่นแดง บวม คัน แสบร้อน ผิวหนังลอกเป็นสะเก็ด
- มีอาการแพ้แบบเรื้อรัง เช่น ผิวสีเข้มขึ้นกว่าเดิม รอยดำขึ้นใหม่ รอยดำขยายใหญ่ขึ้น
- มีอาการแพ้ที่รุนแรง เช่น หายใจลำบาก หน้าบวม หายใจไม่ออก
หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
นอกจากนี้ อาการแพ้เเลเซอร์รอยดำยังสามารถแบ่งตามสาเหตุได้ดังนี้
- แพ้ยาชา มักมีอาการแพ้แบบเฉียบพลัน เช่น ผื่นแดง บวม คัน แสบร้อน
- แพ้สารเคมีในเลเซอร์ มักมีอาการแพ้แบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง เช่น ผื่นแดง บวม คัน แสบร้อน ผิวหนังลอกเป็นสะเก็ด ผิวสีเข้มขึ้นกว่าเดิม
- แพ้ปัจจัยส่วนบุคคล มักมีอาการแพ้แบบเรื้อรัง เช่น ผิวสีเข้มขึ้นกว่าเดิม รอยดำขึ้นใหม่ รอยดำขยายใหญ่ขึ้น
ดังนั้น ผู้ที่ต้องการทำเลเซอร์ลดรอยดำจึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำทุกครั้ง เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการแพ้และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม