เลเซอร์รักษาหลุมสิว นวัตกรรมความงามที่ช่วยคืนความมั่นใจ
หลุมสิวเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีปัญหาสิว โดยหลุมสิวเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การอักเสบของสิว การบีบเค้นสิว การกดสิว การอักเสบของรูขุมขน ฯลฯ หลุมสิวสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่
- หลุมสิวแบบแอดเวนทีเชียล (Atrophic acne scars) หลุมสิวที่เกิดจากการสูญเสียชั้นผิวที่ลึกลงไป มีลักษณะเป็นหลุมลึก
- หลุมสิวแบบโรซาซีอา (Rosacea scars) หลุมสิวที่เกิดจากการอักเสบของรูขุมขน มีลักษณะเป็นหลุมตื้นๆ
- หลุมสิวแบบคีลอยด์ (Keloid scars) หลุมสิวที่เกิดจากการสร้างคอลลาเจนมากเกินไป มีลักษณะเป็นก้อนนูนขึ้นมา
ปัจจุบันมีวิธีการรักษาหลุมสิวหลายวิธี เช่น การฉีดฟิลเลอร์ การศัลยกรรมตกแต่ง การจี้ด้วยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency) เป็นต้น แต่วิธีการรักษาหลุมสิวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบันคือการรักษาด้วยเลเซอร์
เลเซอร์รักษาหลุมสิวคืออะไร
เลเซอร์รักษาหลุมสิว คือการใช้พลังงานแสงเลเซอร์ยิงไปที่บริเวณผิวที่เป็นหลุมสิว พลังงานแสงเลเซอร์จะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อที่เป็นพังผืดใต้ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นหรือหายไปในที่สุด
ประเภทของเลเซอร์หลุมสิว
เลเซอร์รักษาหลุมสิวมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีความยาวคลื่นและพลังงานที่แตกต่างกัน ทำให้มีผลการรักษาที่แตกต่างกัน ประเภทของเลเซอร์หลุมสิวที่นิยมใช้กัน ได้แก่
- เลเซอร์ CO2 เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตร มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ดี แต่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวแห้ง ลอก แสบ แดง
- เลเซอร์ Erbium YAG เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 2,940 นาโนเมตร มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ดีเช่นกัน แต่ผลข้างเคียงน้อยกว่าเลเซอร์ CO2
- เลเซอร์ Picosecond เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นสั้นมาก ทำให้สามารถยิงเลเซอร์ได้แม่นยำกว่าเลเซอร์ชนิดอื่นๆ มีประสิทธิภาพในการทำลายเนื้อเยื่อที่เป็นพังผืดได้ดี ผลข้างเคียงน้อยกว่าเลเซอร์ CO2 และ Erbium YAG
ขั้นตอนการทำเลเซอร์รักษาหลุมสิว
ขั้นตอนการทำเลเซอร์รักษาหลุมสิว โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการรักษา ขั้นตอนในการทำมีดังนี้
- แพทย์จะทำความสะอาดผิวหน้าและทายาชาบริเวณที่จะทำการรักษา
- แพทย์จะยิงเลเซอร์ไปที่บริเวณผิวที่เป็นหลุมสิว
- หลังทำเลเซอร์ แพทย์จะทายาฆ่าเชื้อและยาลดอาการบวมแดง
ผลการรักษาเลเซอร์รักษาหลุมสิว
ผลการรักษาเลเซอร์รักษาหลุมสิวจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ความรุนแรงของหลุมสิว และการดูแลรักษาหลังทำเลเซอร์ โดยปกติจะเห็นผลการรักษาหลังทำเลเซอร์ไปแล้ว 3-5 ครั้ง แต่อาจต้องรักษาต่อเนื่องนานหลายเดือนจึงจะเห็นผลชัดเจน
การดูแลรักษาหลังทำเลเซอร์รักษาหลุมสิว
หลังทำเลเซอร์รักษาหลุมสิว จำเป็นต้องดูแลรักษาผิวอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงและช่วยให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การดูแลรักษาหลังทำเลเซอร์มีดังนี้
- หลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน
- ทายาตามคำแนะนำของแพทย์
- งดแต่งหน้าบริเวณที่ทำการรักษา
ข้อควรระวังในการทำเลเซอร์รักษาหลุมสิว
การทำเลเซอร์หลุมสิวอาจมีความเสี่ยงและผลข้างเคียงต่างๆ เช่น ผิวแห้ง ลอก แสบ แดง ผิวไหม้ เกิดรอยแผลเป็นใหม่ เป็นต้น ดังนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำเลเซอร์
สรุป
เลเซอร์รักษาหลุมสิวเป็นนวัตกรรมความงามที่ช่วยคืนความมั่นใจให้กับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว โดยมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นหรือหายไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม การทำเลเซอร์หลุมสิวอาจมีความเสี่ยงและผลข้างเคียงต่างๆ ดังนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำเลเซอร์
โดยทั่วไปแล้ว หลุมสิวผ่านการรักษาด้วย Pico plus จะเห็นผลหลังทำไปแล้ว 3-5 ครั้ง แต่อาจต้องรักษาต่อเนื่องนานหลายเดือนจึงจะเห็นผลชัดเจน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ความรุนแรงของหลุมสิว และการดูแลรักษาหลังทำเลเซอร์
โดยความรุนแรงของหลุมสิวแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่
- ระดับ 1 : หลุมสิวตื้นๆ มองเห็นได้เมื่อมองใกล้ๆ
- ระดับ 2 : หลุมสิวปานกลาง มองเห็นได้ชัดเจนเมื่อมองในระยะใกล้
- ระดับ 3 : หลุมสิวลึก มองเห็นได้ชัดเจนเมื่อมองในระยะไกล
หลุมสิวระดับ 1 จะเห็นผลการรักษาได้เร็วกว่าหลุมสิวระดับ 2 และ 3 โดยหลุมสิวระดับ 1 อาจเห็นผลชัดเจนหลังทำไปแล้วเพียง 1-2 ครั้ง แต่หลุมสิวระดับ 2 และ 3 อาจต้องรักษาต่อเนื่องนานถึง 6-8 ครั้ง จึงจะเห็นผลชัดเจน
นอกจากนี้ การดูแลรักษาหลังทำเลเซอร์ก็มีส่วนสำคัญต่อผลการรักษา โดยควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน และทายาตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงและช่วยให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
หากต้องการทราบจำนวนครั้งที่ควรทำเลเซอร์รักษาหลุมสิว ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพผิวและความรุนแรงของหลุมสิว เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
Atier Wellness and Surgery House เลือกใช้เครื่อง Picoplus ในการแก้ปัญหาผิวต่างๆ รวมถึงหลุมสิว เนื่องจากเครื่อง Picoplus มีข้อดีหลายประการดังนี้
- ประสิทธิภาพในการทำลายเม็ดสีผิวสูง ช่วยให้รอยดำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ จางลงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เรียบเนียน และกระชับขึ้น
- ผลข้างเคียงน้อย เมื่อเทียบกับเลเซอร์ชนิดอื่นๆ
- ระยะเวลาในการทำการรักษาสั้น ใช้เวลาเพียง 30-60 นาทีต่อครั้ง
นอกจากนี้ Atier Wellness and Surgery House ยังมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญด้านความงามโดยเฉพาะ พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย