เลเซอร์รอยดำ ทำไมถึงสามารถจำกัดเฉพาะรอยดำได้
เลเซอร์ลดรอยดำสามารถจำกัดเฉพาะรอยดำได้ เนื่องจากเลเซอร์จะปล่อยแสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ ซึ่งความยาวคลื่นของแสงเลเซอร์จะดูดซับได้ดีโดยเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้เกิดรอยดำ เมื่อแสงเลเซอร์ถูกดูดซับเข้าไป เม็ดสีเมลานินจะถูกทำลายลง ทำให้รอยดำจางลงหรือหายไปในที่สุด
นอกจากนี้ เลเซอร์ยังสามารถปรับพลังงานและระยะเวลาในการยิงแสงให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เพื่อให้แสงเลเซอร์สามารถทำลายเม็ดสีเมลานินได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง
โดยทั่วไปแล้ว เลเซอร์รอยดำ ที่นิยมใช้ ได้แก่
- เลเซอร์ Q-Switched Nd:YAG laser เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร เหมาะสำหรับรอยดำที่เกิดจากสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำ
- เลเซอร์ PicoSure เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 755 นาโนเมตร เหมาะสำหรับรอยดำที่ลึกและเก่า
ทั้งนี้ ผลการรักษาของเลเซอร์รอยดำอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ชนิดของรอยดำ ความรุนแรงของรอยดำ สภาพผิว และการดูแลผิวหลังการรักษา
ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำเลเซอร์ลดรอยดำ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิวและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
เลเซอร์รอยดำที่ใช้ PicoPlus มีข้อดีหลายประการ ดังนี้
- ใช้พลังงานเลเซอร์ที่มีค่าความเข้มข้นสูง ทำให้สามารถทำลายเม็ดสีเมลานินได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง
- มีความยาวคลื่น 532 นาโนเมตร ซึ่งสามารถดูดซับได้ดีโดยเม็ดสีเมลานินที่ระดับชั้นผิวชั้นบน (epidermis) และชั้นหนังกำพร้า (dermis) ทำให้สามารถรักษารอยดำได้หลากหลายประเภท ทั้งรอยดำที่เกิดจากสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำ
- มีระยะเวลาในการยิงแสงที่สั้น ทำให้เม็ดสีเมลานินแตกตัวเป็นอนุภาคขนาดเล็กลง ส่งผลให้ร่างกายสามารถกำจัดเม็ดสีเมลานินออกจากผิวได้ง่ายขึ้น ทำให้เห็นผลการรักษาที่ชัดเจนและรวดเร็วกว่าเลเซอร์ลดรอยดำชนิดอื่นๆ
- มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้รักษารอยดำได้ทุกสภาพผิว แม้ผิวที่บอบบางหรือมีสีผิวเข้ม
ดังนั้น เลเซอร์รอยดำที่ใช้ PicoPlus จึงมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยดำทุกประเภทที่ต้องการเห็นผลการรักษาที่ชัดเจนและรวดเร็ว
นอกจากนี้ PicoPlus ยังสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นอีกด้วย